แบตเตอรี่ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ที่สำคัญไม่แพ้เครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ เป็นส่วนของแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองที่ใช้ภายในรถยนต์ ถ้าไม่มีก็สตาร์ทไม่ติด ขับขี่ไม่ได้ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบที่มีอายุการใช้งานอย่างจำกัด ต้องเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ สำหรับใครที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี วันนี้เรามีข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบมาฝาก
แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง ที่จะหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบจุดระเบิด และไดสตาร์ท เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน รวมถึงยังจ่ายไฟไปยังส่วนอื่นๆ ด้วย แต่แบตเตอรี่จะไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยตัวเองได้
แบตเตอรี่รถยนต์มีกี่แบบ แบบไหนดีกว่ากัน?
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำกลั่น
เป็นแบตเตอรี่รถยนต์แบบดั่งเดิม ถูกใช้งานกันมาอย่างยาวนาน ร้านที่จัดจำหน่ายจะทำการเติมน้ำกรดและชาร์จไฟเอง ทำให้มาตรฐานในการชาร์จไฟไม่แน่นอน แต่ทนความร้อนได้สูง เหมาะกับรถยนต์ที่ต้องวิ่งทางไกล ข้อดีคือราคาถูก มีอายุการใช้งานนาน ทนทานต่อการรับโหลดทั้งการประจุและคายประจุ แต่ต้องคอยดูแลเรื่องน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ห้ามปล่อยให้น้ำกลั่นแห้ง
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง
เป็นแบตเตอรี่รถยนต์ที่ยังคงมีของเหลวอยู่ภายใน แต่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งฝาของตัวแบตเตอรี่จะถูกซีลทับฝาติดกัน ไม่สามารถเปิดปิดได้ จะเช็กระดับน้ำ ระดับไฟ และอายุใช้งาน ต้องมองผ่านตาแมวสำหรับตรวจเช็ก ข้อดีคือ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีแอมป์สูงกว่า และ ค่า CCA สูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ ดูแลรักษาได้ง่าย แต่จะมีราคาค่อนข้างสูง และมีโอกาสอุดตันได้ง่ายเนื่องจากเป็นระบบปิดที่มีรูระบายแบบทางเดียว
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง
แบตเตอรี่รถยนต์ลูกผสม ลักษณะจะคล้ายกับแบตเตอรี่แบบแห้ง แต่ยังมีรูให้เติมน้ำกลั่นอยู่ ทนความร้อนได้สูงเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถบ่อย แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล เพราะการเติมจะอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อปีเท่านั้น ข้อดีคือราคาถูกกว่าแบตแบบแห้ง ไม่ต้องดูแลบ่อยๆ แต่ยังต้องคอยดูระดับของน้ำกลั่นอยู่
- แบตเตอรี่รถยนต์แบบไฮบริด
แบตเตอรี่รถยนต์แบบไฮบริด เป็นแบตลูกผสมอีกหนึ่งประเภท เป็นการผสมระหว่าง แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งและแบตเตอรี่แบบน้ำ แต่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ และสามารถตรวจเช็คระดับน้ำได้ง่าย ซึ่งในอนาคตอาจมีการนำแบตเตอรี่แบบไฮบริดมาใช้แทนแบตเตอรี่แบบน้ำทั้งหมด ข้อดีคือราคาไม่สูงมาก ดูแลง่ายกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ แต่ยังคงต้องคอยตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นอยู่
การเลือกแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ดูว่ามีงบประมาณเท่าไหร่ ดูว่าปกติทำการตรวจเช็กรถยนต์บ่อยแค่ไหน
เคล็ดลับ! วิธียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
อย่างที่บแกไปว่าแบตเตอรี่รถยนต์ทุกๆ แบบ ต่างก็มีอายุการใช้งานที่จำกัด แต่หากอยากยืดอายุให้แบตเตอรี่ของคุณใช้งานได้นานยิ่งขึ้น ควรทำตามวิธีเหล่านี้
- ดูแลทำความสะอาดแบตเตอรี่รถยนต์ให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะสิ่งสกปรกจะส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟ
- หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งหรือที่อากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงๆ จะทำให้ของเหลวที่อยู่ในแบตเตอรี่ระเหยออกได้
- หลีกเลี่ยงการจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้ขับขี่ เพราะจะทำให้ประจุไฟที่อยู่ในแบตเตอรี่จะหายไป
- หลีกเลี่ยงการขับขี่ในระยะทางใกล้ๆ เพราะการขับขี่ระยะทางสั้นบ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่ไม่มีช่วงเวลาให้ชาร์จไฟกลับเข้ามา จะส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าลดลง
จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่แห้งหรือแบตเตอรี่น้ำ หรือแบบอื่นๆ ต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นแนะนำให้เลือกตามความสะดวกจะดีกว่า ถ้าเน้นราคาถูกก็เลือกแบตเตอรี่น้ำ แต่ถ้าเน้นความสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นก็เลือกแบตเตอรี่แห้ง แต่ถ้าอยากทำประกันรถยนต์ให้เลือก Rabbit Care เพราะซื้อประกันรถยนต์ผ่านเรารับประกันเรื่องความคุ้มค่า มีรถใช้ทดแทนระหว่างซ่อม และยังชดเชยค่าเดินทางกลับบ้านให้อีกด้วย ทำประกันรถยนต์ง่ายๆ เพียงเข้าไปที่ www.rabbitcare.com